13 ส.ค. 2562ยาว 1 นาที

"เทอร์โมวูด" ไม้ธรรมชาติ ที่ใช้งานภายนอกอาคารได้

อัปเดตเมื่อ 14 ส.ค. 2562

ธรรมชาติของไม้ มีการยืดหดตัวตามอุณหภูมิ ความชื้น และสภาพอากาศอยู่เสมอ

ถึงแม้ว่าไม้จะผ่านการอบแห้งแล้ว ทาเคลือบผิวไม้แล้ว แต่เมื่อนำมาอยู่ในสถานที่หนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจจะสังเกตเห็นว่าไม้เกิดการบิดตัวหรือไม้แตกได้ เนื่องจากไม้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความชื้นและอุณหภูมินั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้งานภายนอกอาคารที่โดนละลองฝนและโดนแสงแดดเป็นเวลานาน จะยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพของไม้ต่างไปจากเดิมได้เร็วขึ้น

แล้วถ้าคุณต้องการ "ไม้ธรรมชาติ ที่ใช้งานภายนอกอาคารได้" ล่ะ

Thermowood คือ ตัวเลือกที่คุณกำลังตามหาแน่นอน !

เทอร์โมวูด (Thermowood)

Thermowood หมายถึง ไม้ที่ผ่านกระบวนการอบด้วยความร้อนสูงกว่า 180 °C (Heat treatment)

มาทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการ Heat Treatment กันเถอะ!

ไม้ ประกอบด้วยเซลลูโลส 40-50% , เฮมิเซลลูโลส 25-35% และลิกนิน 20-25%

เมื่อไม้ได้รับความร้อนสูงประมาณ 185-215°C เซลลูโลสและลิกนินในไม้จะค่อยๆ ย่อยสลายตัว

ส่วนเฮมิเซลลูโลสซึ่งประกอบไปด้วยโมโนแซคคาไรด์นั้น เป็นแหล่งอาหารของเชื้อราและแมลง นอกจากนี้มอดและปลวกจะอาศัยกลิ่นของน้ำมันที่อยู่ในไม้สนเป็นตัวชี้นำในการวางไข่ด้วย

เมื่อความร้อนสูง ทำให้เฮมิเซลลูโลสและกลิ่นสลายไป มอดและแมลงจะไม่กลับมาทำลายเนื้อไม้และอาศัยอยู่ในเนื้อไม้อีก

อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบและปริมาณของเฮมิเซลลูโลสในไม้แต่ละชนิดนั้นจะแตกต่างกัน ไม้จำพวกใบกว้าง มีเฮมิเซลลูโลสมากกว่าไม้จำพวกสน การย่อยสลายของเฮมิเซลลูโลสเมื่อได้รับความร้อนสูงจึงเกิดในไม้จำพวกใบกว้างมากกว่า ส่วนลิกนินนั้นทำหน้าที่ยึดเซลล์ของเนื้อไม้ให้ติดกัน ซึ่งลิกนินนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยเมื่อได้รับอุณหภูมิสูงขึ้น แต่จะเริ่มย่อยสลายที่อุณหภูมิ 200°C ขึ้นไป

สีของไม้ที่ผ่านกระบวนการอบความร้อนสูง จะมีสีเข้มขึ้นตามระดับของอุณหภูมิ ยิ่งใช้ความร้อนมาก ไม้ก็ยิ่งเปลี่ยนสีเข้มขึ้นมาก และยิ่งใช้อุณหภูมิสูง ความแข็งแรงก็จะยิ่งลดลงเช่นกัน เนื่องจากสารประกอบในไม้ที่ลดลง ทำให้ไม้เนื้อแน่นขึ้น แข็งขึ้น การหดขยายลดลง ความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ไม้แข็งแต่ก็เปราะหักได้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้เทอร์โมวูดในงานที่ต้องรับน้ำหนักมากๆ